วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คนอินเดียชื่อแปลก?

ชาวไทยรู้จักชาวอินเดียมาช้านาน โดยมากรู้จักผ่านวรรณคดี อย่างพระราม นางสีดา นี่เป็นอินเดียแท้ๆ มาสมัยหลังก็มีนักคิดนักเขียน นักการเมืองคนสำคัญ อย่าง คานธี รพินทรนาถ เนห์รู เป็นต้น
 File:Agni pariksha.jpg
สีดาลุยเพลิง (สีตา)

การเขียนชื่อคนอินเดียในหนังสือไทยนั้นออกจะยุ่งยาก เพราะเรามีสองระบบซ้อนกันอยู่ คือ
1. ระบบเสียง ได้ยินอย่างไรก็เขียนอย่างนั้น หรืออาจจะผ่านการเขียนหนังสืออังกฤษอีกที
2. ระบบตัวอักษร เพราะอักษรไทยกับของอินเดียนั้น สามารถเทียบกันได้ตัวต่อตัวแทบทั้งหมด เช่น เรามี ก เขาก็มี ก  เพราะฉะนั้น ชื่อในวรรณคดี หรือในพุทธศาสนาเรามักจะเทียบกันได้อย่างเป็นระบบ
เรียกว่า ถ้ามีตัวหนังสืออินเดียมาให้ปุ๊บ เราก็ถอดเป็นไทยได้ปั๊บเลยทีเดียว
แต่ปัญหาคือ ชื่อของคนสมัยใหม่ เรารู้จักผ่านภาษาอังกฤษ ไม่เห็นตัวเดิมๆ บางทีจึงถอดเสียงมาแปลกๆ เคยมีเพื่อนบอกว่ารู้จักคนอินเดียชื่อ คูม่า ฟังดูก็เสียงเป็นแขก แต่พอเห็นชื่อเขาในเอกสาร เขาเขียนอย่างนี้ Kumar แบบนี้ถ้าถอดเป็นตัวหนังสือไทยก็ “กุมาร” นั่นเอง ดูๆ แล้วก็พิลึกพิลั่นไม่น้อยเลย

ลองดูชื่อคนอื่นๆ ที่เราคุ้นเคยกันบ้าง ว่าจริงๆ แล้ว หากถอดเสียงตามแบบแผนจะเป็นอย่างไร
 
มหาตมา คานธี
  • มหาตมะ คานธี  (Mahatma Gandhi) คือ มหาตมา คานธี (เข้าใจง่ายๆ ว่า มหาตมา ก็คือ มห และ อาตมา)
  • สัตเยนทรนาถ โบส (Satyendra Nath Bose) คือ สัตเยนทร์ นาถ โพส (นักวิทยาศาสตร์)
  • สัตยาจิต เรย์ (Satyajit Ray) คือ สัตยชิต ราย (ผู้กำกับภาพยนตร์)
  • อมาตยา  เซ็น (Amartya Sen) คือ อมรรตยะ เสน (นักเศรษฐศาสตร์) ในโองการแช่งน้ำ เคยมีคำว่า อมรรตัย แปลว่า ไม่ตาย คือ อมตะ นั่นเอง
  • ยวาหระลาล เนห์รู (Jawaharlal Nehru) คือ ชวาห์รวาล เนห์รู (ความจริง ห ไม่มีการันต์ แต่ออกเสียงเบา)
  • ราจีฟ คานธี (Rajiv Gandhi) คือ ราชีว คานธี (นายกรัฐมนตรีอินเดีย)
  • มันโมหัน ซิงห์ (Manmohan Singh) คือ มันโมหัน สิงห์ (นายกรัฐมนตรีอินเดีย)
  • ดร.อัมเบดกา (Ambedkar)  คือ ภีมราว รามชี อามเพฑกร (หรือ –กัร) นักการเมือง นักต่อสู้เพื่อสังคม
  • ไอชวารา ไร (Aishwarya Rai) คือ ไอศวรรยา ราย (นามสกุลเดียวกับคุณสัตยชิต) นักแสดง
  • อมิตาบ บาจัน (Amitabh Bachchan) คือ อมิตาภ พัจจัน (ศัพท์เดียวกับ อมิตาภะ)
  • รวี ชางการ์ (Ravi Shangar)  คือ รวิ ศังกร (นักดนตรี)
*เครื่องหมายการันต์ ใส่ไว้เพื่อให้มองง่าย อ่านง่าย และไม่ออกเสียงตัวนั้นๆ

สัตเยนทร์ นาถ โพส

จะว่าไปแล้ว คนอินเดียเองก็อาจจะอ่านออกเสียงแบบสมัยใหม่และเก่าปนกัน เช่น ราย (राय) ภาษาอินเดียแบบเดิม (เช่น ภาษาสันสกฤต) จะออกเสียงว่า รายะ แต่ภาษาอินเดียแบบใหม่ (เช่น ภาษาฮินดี) ออกเสียงว่า ราย (ร สระอา ย สะกด) ดูๆ ก็น่างง  อีกคำคือ มันโมหัน คนนี้ ความจริงควรถอดออกมาเป็น มนโมหัน ด้วยซ้ำไป แต่การเขียน “มน” แบบเดิมนั้น ออกเสียงว่า มะนะ ส่วนในการเขียนปัจจุบันออกเสียงว่า มัน ก็น่าปวดหัวอีกเช่นกัน และคำว่า ราย นี้ ถอดตามหลักแปลงฮินดีเป็นโรมัน ก็จะได้ Ray ทำให้ฝรั่งออกเสียง เรย์ ไปนู่นอีก
โปรดสังเกตว่า คนอินเดียที่นามสกุล Singh นั้น ควรถอดเป็น สิงห์ เพราะมาจากคำว่า สิงห์ นั่นแหละ และเพราะการถอดภาษาอินเดียเป็นไทยเราไม่ใช้ ซ แทนตัว ส ที่ตรงกับ s, ส่วนตัว ซ นั้นเอาไว้ถอดตัวพิเศษ ซึ่งตรงกับเสียง z ในภาษาอังกฤษ
สำหรับคนนามสกุลโพส นี้ ถอดเสียงตามอักษรอินเดียเปี๊ยบ (बोस) แต่เขากลับเขียนอักษรโรมันเป็น Bose คงต้องการให้ฝรั่งออกเสียงง่าย เพราะหากถอดจากอักษรอินเดีย เป็นฝรั่ง จะต้องใช้ Bosa กลายเป็นว่าอ่านไม่ตรงกันอีก
ล่าสุดมีข่าวว่า พระเอกช้างเพื่อนแก้วถึงแก่กรรม หนังสือพิมพ์เขียนชื่อเขาว่า ยาเรส คันนา (ได้ยินชื่อแล้วนึกถึงผู้กำกับ พันนา ของบ้านเรา) อันที่จริง ชื่อเขาควรจะถอดเป็น ราเชศ ขันนา (ราช +อิศ แปลว่า ผู้ยิ่งใหญ่ในหมู่ราชา, ราชาผู้ยิ่งใหญ่) นามสกุล ขันนา นี้เป็นตระกูลเก่าแก่ของวรรณะกษัตริย์ในปัญจาบ
  नहीं रहे राजेश खन्ना
ราเชศ ขันนา

หากเราใช้การถอดศัพท์ตามระบบดั้งเดิม คล้ายๆ กับที่ใช้ถอดศัพท์ภาษาบาลีสันสกฤต (ราชบัณฑิตยสถานได้เผยแพร่ระบบการถอดเสียงภาษาฮินดีแล้ว) ก็จะช่วยให้สามารถถอดชื่อคนอินเดียได้สะดวกและเป็นระบบมากขึ้น แต่ก็อย่างว่า อะไรๆ คงไม่ง่ายนัก เมื่อชื่อคนอินเดียไม่ได้ใช้ภาษาฮินดีเสียทั้งหมด มาใช้ชื่อภาษาอังกฤษบ้าง ชื่อภาษาอาหรับบ้าง การถอดชื่อก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด...

วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

การแปลงอักษรเทวนาครี เป็นอักษรไทย และโรมัน


เห็นเพื่อนๆ น้องๆ เสียเวลานั่งแปลงตัวอักษร (ปริวรรต) เป็นเวลานาน ก็รู้สึกเหนื่อยแทน โดยมากจะแปลงจากเทวนาครี เป็นอักษรไทย หรือโรมัน เป็นอักษรไทย


แต่ปัญหานี้ แก้ได้ง่ายๆ เพราะมีซอฟต์แวร์สำหรับการแปลงตัวอักษรให้ใช้แล้ว ไม่ต้องดาวน์โหลดให้เสียเวลา เปิดเว็บเข้าไป แล้วแปะข้อความอักษรเทวนาครีเข้าไปได้เลย


จะมีช่องผลลัพธ์สองช่อง คือ ช่องอักษรไทย กับช่องอักษรโรมัน




ตัวอย่างการแปลง


ข้อความอักษรเทวนาครีที่ป้อน
“घौताञ्जने च नयने सफटिकाच्छकान्ति
र्गण्डस्थली विगतकृत्रिमरागमोष्ठम्.
अंगानि दन्तिशिशुदन्तविनिर्मलानि
किं यन्न सुन्दरमभूत् तरुणीजनस्य/ ”
อักษรไทยที่ได้
“เฆาตาญฺชเน จ นยเน สผฏิกาจฺฉกานฺติ
รฺคณฺฑสฺถลี วิคตกฤตฺริมราคโมษฺฐมฺ.
อ̊คานิ ทนฺติศิศุทนฺตวินิรฺมลานิ
กิ˚ ยนฺน สุนฺทรมภูตฺ ตรุณีชนสฺย/ ”


อักษรโรมันที่ได้
“ghautāñjanē ca nayanē saphaṭikācchakānti
rgaṇḍasthalī vigatakr̥trimarāgamōṣṭham.
aṁgāni dantiśiśudantavinirmalāni
kiṁ yanna sundaramabhūt taruṇījanasya/ ”


อาจได้ผลลัพธ์แปลกตาไปบ้าง ก็คือ นิคหิต ซึ่งในการเขียนอักษรไทยจะลำบาก สำหรับสระอา กับนิคหิต นิยมใช้สระอำ แทน, สระอิ กับนิคหิต นิยมใช้ สระอึ แทน ส่วนสระอีกับนิคหิต อาจต้องเลี่ยงมาใช้ อี-มฺ แทน


นอกจากนี้ วิสรรคะ นั้น ในเว็บนี้ใช้ ห์ หากต้องการเปลี่ยนเป็น ะ ก็สั่งเปลี่ยนในโปรแกรม Word ได้

loka - लोक - โลก

ผู้เขียน : หมู

        คำว่า "โลก" เป็นศัพท์ที่ใช้กันทั่วไปในภาษาไทย สืบประวัติได้ว่า มีอยู่ทั้งในภาษาสันสกฤต และภาษาบาลี จะยืนยันให้แน่ชัดว่ามาจากภาษาใดคงจะทำได้ยาก แต่ในที่นี้ ขอกล่าวถึงคำว่า "โลก" เฉพาะที่ปรากฏในพจนานุกรมภาษาสันสกฤตเท่านั้น
(ความจริงแล้ว ผู้เขียนไม่รู้ภาษาบาลีนั่นเอง 5555)

        ในเอกสารเก่าสุด พบว่า "โลก" คำนี้ มักจะนำหน้าด้วยสระ "อุ", ใน ปทปาฐะ บอกว่า สระ อุ นี้ อาจเป็น "สระที่มีอุปสรรค" จะได้ศัพท์ อุโลกฺ +อะ = โลก, ส่วนคนอื่นๆ บอกว่า อุโลก มาจาก อุรุ หรือ อว-โลก
        "โลก" ในความหมายแรก เป็นคำนาม ปุลลิงค์ หมายถึง ที่โล่ง, ที่ว่าง, สถานที่, กรอบ, การเคลื่อนที่โดยอิสระ, ใช้ โลเก กับนามวิภักติที่ 6 หมายถึง "แทนที่"
        นอกจากนี้ "โลก" ยังหมายถึง ที่ว่างระหว่างกลาง, ภูมิภาค, ตำบล, ประเทศ, จังหวัด, อวกาศอันไพศาล, และหมายถึงโลก (ไม่ว่าจะเป็นจักรวาล หรือส่วนใดๆ ในจักรวาล) เท่านั้นยังไม่พอ ยังหมายถึง ท้องฟ้า หรือ สวรรค์ บรรยากาศ
        บางตำราระบุโลกทั้ง 7 ได้แก่ भूलोक (โลกพื้นดิน), भुवर्लोक (พื้นที่ระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ ที่มุนิ, สิทฺํธ เป็นต้น อาศัยอยู่้, स्वर्लोक เป็นสวรรค์ของพระอินทร์ เหนือดวงอาทิตย์ หรือระหว่างดวงอาทิตย์และดาวเหนือ, महर्लोक พื้นที่เหนือดาวเหนือ และที่อยู่ของภฺฤคุ และนักสิทธ์อื่นๆ ที่รอดจากการทำลายโลกเบื้องล่าง, जनर्लोक ที่อยู่ของสนตฺกุมาร โอรสของพระพฺรหฺมา เป็นต้น, तपर्लोक ที่อาศัยของ ไวราคิน ผู้กลายเป็นเทพ, सत्यलोक หรือ ब्रह्मलोक ที่อยู่ของพระพฺรหฺมา
        บางตำราระบุโลกทั้ง 17 นั่นคือ เจ็ดโลกบน และเจ็ดโลกล่าง, เจ็ดโลกล่าง นับจากโลกเรา ได้แก่ अतल, वितल , सुतल , रसातल , तलातल, महातल, และ पाताल
        โลก หมายถึง โลกที่มนุษย์อาศัยอยู่นี้, หรือ (พหูพจน์) ผู้อาศัยบนโลก ได้แก่ มนุษย์ ผู้คน (ไม่นับ พระราชา) , บุรุษ (ชาย), กลุ่ม คณะ, ชีวิตทางโลก,
         โลก หมายถึง จำนวน 7 ก็ได้     
        ยังไม่จบ, โลกยังหมายถึง ความสามารถในการมองเห็น ได้ด้วย...